top of page

เทคนิคอัพคะแนน IELTS จาก 5 เป็น 7 ฉบับละเอียด สำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ



ทำความเข้าใจคะแนน IELTS ก่อนเริ่มต้น


คะแนน 5.0 (Modest User)

  • สามารถสื่อสารได้พอใช้ในสถานการณ์คุ้นเคย

  • มีข้อผิดพลาดในการใช้ภาษาค่อนข้างมาก

  • เข้าใจความหมายโดยรวมในสถานการณ์ทั่วไป


คะแนน 7.0 (Good User)

  • สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้อาจมีความไม่แม่นยำบ้างในบางสถานการณ์

  • เข้าใจรายละเอียดซับซ้อนได้ดี

  • จัดการกับการสื่อสารที่ซับซ้อนได้ในหัวข้อที่คุ้นเคย


แผนการเตรียมตัว 6 เดือน (ละเอียด)


เดือนที่ 1-2: สร้างพื้นฐานให้แน่น

  • สัปดาห์ 1-2: ทำแบบทดสอบจำลองเพื่อประเมินจุดอ่อนจุดแข็ง

  • สัปดาห์ 3-4: เรียนรู้รูปแบบข้อสอบทุกส่วนอย่างละเอียด

  • สัปดาห์ 5-8: เน้นพัฒนาคำศัพท์และไวยากรณ์พื้นฐาน


เดือนที่ 3-4: พัฒนาทักษะเฉพาะทาง

  • สัปดาห์ 9-12: ฝึกเทคนิคเฉพาะสำหรับแต่ละทักษะ

  • สัปดาห์ 13-16: ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เริ่มฝึกทำข้อสอบจับเวลา


เดือนที่ 5-6: เข้มข้นสู่การสอบจริง

  • สัปดาห์ 17-20: ทำข้อสอบจำลองเต็มรูปแบบสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

  • สัปดาห์ 21-24: แก้ไขจุดอ่อน ทบทวนและเตรียมความพร้อมก่อนสอบจริง


เทคนิคละเอียดสำหรับแต่ละทักษะ

การฟัง (Listening) - จาก 5.0 สู่ 7.0

สัปดาห์ที่ 1-4: สร้างความคุ้นเคยกับเสียง


  • ฝึกฟังทุกวัน (60-90 นาที)

    • เช้า: พอดแคสต์ข่าว (BBC, CNN) 15 นาที

    • กลางวัน: บทสนทนาธรรมดา (YouTube, ซีรีส์) 30 นาที

    • เย็น: บทเรียน IELTS Listening 15-45 นาที


  • เทคนิคเพิ่มเติม:

    • ฟังโดยไม่ดูบทเรียนก่อน จากนั้นฟังซ้ำพร้อมอ่านบทเรียน

    • ฝึกจับคำสำคัญ (keywords) และตัวชี้แนะ (signpost words) เช่น "however", "although", "therefore"


สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาทักษะการฟังเฉพาะทาง


  • ฝึกฟังตามประเภทข้อสอบ:

    • Section 1: บทสนทนาทั่วไป (การจองโรงแรม, การลงทะเบียน)

    • Section 2: บรรยายทั่วไป (ทัวร์มหาวิทยาลัย, กิจกรรมชุมชน)

    • Section 3: บทสนทนาเชิงวิชาการ (อาจารย์-นักศึกษา)

    • Section 4: การบรรยายวิชาการ


  • ทำความคุ้นเคยกับสำเนียงหลากหลาย:

    • อังกฤษ (RP): BBC, The Crown

    • อเมริกัน: CNN, Friends

    • ออสเตรเลีย: ABC Australia

    • นิวซีแลนด์, แคนาดา, ไอริช และสำเนียงอื่นๆ


สัปดาห์ที่ 13-24: เตรียมสอบเข้มข้น


  • เทคนิคจดโน้ตขั้นสูง:

    • ใช้ตัวย่อและสัญลักษณ์ เช่น & (and), w/ (with), w/o (without)

    • จดเฉพาะคำสำคัญ ไม่ใช่ประโยคเต็ม

    • สร้างระบบการจดโน้ตของตัวเอง ที่อ่านทบทวนได้เร็ว


  • เทคนิคทำข้อสอบ:

    • อ่านคำถามล่วงหน้า 30 วินาทีก่อนเริ่มฟัง

    • ขีดเส้นใต้คำสำคัญในคำถาม

    • คาดเดาคำตอบที่อาจจะเป็นไปได้

    • ระวังกับดักข้อสอบ (คำตอบที่พูดแล้วแก้ใหม่)


การพูด (Speaking) - จาก 5.0 สู่ 7.0

สัปดาห์ที่ 1-4: พัฒนาความคล่องแคล่ว


  • ฝึกพูดทุกวัน (30-60 นาที)

    • เช้า: พูดเดี่ยว 5 นาทีเกี่ยวกับหัวข้อง่ายๆ (ครอบครัว, งานอดิเรก)

    • กลางวัน: ฝึก shadowing (พูดตามเจ้าของภาษา) 10-15 นาที

    • เย็น: ฝึกตอบคำถาม Part 1 หรือ Part 3 (10-15 นาที)


  • เทคนิคเพิ่มเติม:

    • บันทึกเสียงตัวเอง ฟังซ้ำและวิเคราะห์จุดที่ต้องปรับปรุง

    • ฝึกออกเสียงคำที่มักออกเสียงผิด เช่น th-, r-, l-, v- และ w-


สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาโครงสร้างและเนื้อหา


  • เตรียมตอบ Part 1 (คำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเอง):

    • เตรียมคำตอบสำหรับหัวข้อยอดนิยม: บ้าน, การเรียน, งานอดิเรก, อาหาร, การท่องเที่ยว

    • ฝึกขยายคำตอบด้วยเทคนิค STAR (Situation, Task, Action, Result)

    • เรียนรู้การใช้ fillers ที่เป็นธรรมชาติ เช่น "well", "you know", "I mean"


  • เตรียมตอบ Part 2 (Long turn):

    • สร้างคลังหัวข้อ Part 2 อย่างน้อย 30 หัวข้อ

    • ฝึกพูด 2 นาทีเต็มโดยใช้โครงสร้าง: คำนำ, ประเด็นหลัก 2-3 ข้อ, สรุป

    • เรียนรู้คำเชื่อมประโยคหลากหลาย เช่น "In addition", "On the other hand"


  • เตรียมตอบ Part 3 (การอภิปราย):

    • ฝึกแสดงความคิดเห็นด้วยโครงสร้าง: ความคิดเห็น + เหตุผล + ตัวอย่าง

    • เรียนรู้วิธีการเปรียบเทียบและแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง

    • ฝึกการใช้ conditional sentences (If I were..., I would...)


สัปดาห์ที่ 13-24: ยกระดับภาษาและการนำเสนอ


  • ยกระดับคำศัพท์:

    • แทนคำธรรมดาด้วยคำที่เฉพาะเจาะจง (good → excellent, extraordinary)

    • ใช้สำนวนและ idiomatic expressions เช่น "it cost an arm and a leg"

    • ใช้ collocations ให้ถูกต้อง เช่น "make a decision" ไม่ใช่ "do a decision"


  • เทคนิคการพูดขั้นสูง:

    • ปรับน้ำเสียงและจังหวะการพูดให้น่าสนใจ (ไม่พูดราบเรียบ)

    • ใช้ภาษากายประกอบการพูด (สบตา, ยิ้ม, ท่าทางประกอบเล็กน้อย)

    • ปรับการหายใจให้เหมาะสม ไม่พูดเร็วหรือช้าเกินไป


การอ่าน (Reading) - จาก 5.0 สู่ 7.0

สัปดาห์ที่ 1-4: พัฒนาทักษะการอ่านพื้นฐาน


  • ฝึกอ่านทุกวัน (45-60 นาที)

    • เช้า: อ่านข่าวสั้นๆ 1-2 ชิ้น (10-15 นาที)

    • กลางวัน: อ่านบทความวิชาการสั้นๆ (15-20 นาที)

    • เย็น: ทำแบบฝึกหัด IELTS Reading (20-30 นาที)


  • เทคนิคเพิ่มเติม:

    • ฝึกอ่านเร็ว (scanning) เพื่อหาข้อมูลเฉพาะ

    • ฝึกอ่านข้าม (skimming) เพื่อจับใจความสำคัญ

    • สร้างคลังคำศัพท์จากการอ่านทุกวัน (อย่างน้อย 10 คำ/วัน)


สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาทักษะการอ่านเฉพาะทาง


  • ฝึกอ่านตามประเภทข้อสอบ:

    • Multiple choice: อ่านตัวเลือกก่อน แล้วค่อยอ่านบทความ

    • Matching headings: วิเคราะห์ใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า

    • True/False/Not Given: ระวังข้อมูลที่ "คล้าย" แต่ไม่ตรงกับในบทความ

    • Matching information: สร้างคำสำคัญ (keywords) จากคำถาม


  • ฝึกอ่านตามประเภทเนื้อหา:

    • บทความวิทยาศาสตร์: เน้นข้อเท็จจริง ตัวเลข กระบวนการ

    • บทความสังคมศาสตร์: เน้นแนวคิด ทฤษฎี การวิพากษ์

    • บทความประวัติศาสตร์: เน้นลำดับเหตุการณ์ สาเหตุ ผลลัพธ์


สัปดาห์ที่ 13-24: เทคนิคทำข้อสอบขั้นสูง


  • เทคนิคการจัดสรรเวลา:

    • แบ่งเวลา 20 นาทีต่อบทความ (60 นาทีสำหรับ 3 บทความ)

    • สละข้อยากไว้ทำทีหลัง ไม่เสียเวลานานเกินไปกับข้อเดียว

    • เหลือเวลา 5 นาทีสุดท้ายสำหรับทบทวนและเดาข้อที่ไม่แน่ใจ


  • เทคนิคการอ่านขั้นสูง:

    • วิเคราะห์โครงสร้างบทความ (problem-solution, cause-effect)

    • สังเกตความเชื่อมโยงระหว่างย่อหน้า (discourse markers)

    • ตีความน้ำเสียงและทัศนคติของผู้เขียน


การเขียน (Writing) - จาก 5.0 สู่ 7.0

สัปดาห์ที่ 1-4: พัฒนาโครงสร้างและไวยากรณ์พื้นฐาน


  • ฝึกเขียนทุกวัน (45-60 นาที)

    • เช้า: เขียนไดอารี่หรือบันทึกสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ (10-15 นาที)

    • กลางวัน: ฝึกเขียนประโยคที่ซับซ้อนขึ้น (15 นาที)

    • เย็น: ฝึกเขียน Task 1 หรือ Task 2 (20-30 นาที)


  • เทคนิคเพิ่มเติม:

    • ฝึกเขียนประโยคหลากหลายรูปแบบ (Simple, Compound, Complex)

    • เรียนรู้การใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง

    • ฝึกการเชื่อมประโยคด้วย connectors หลากหลาย


สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาการเขียนเฉพาะแบบ


  • Task 1 (Academic):

    • แบ่งการเขียนเป็น 4 ย่อหน้า: บทนำ, ภาพรวม, รายละเอียดสำคัญ 1, รายละเอียดสำคัญ 2

    • ฝึกอธิบายกราฟประเภทต่างๆ: Line graphs, Bar charts, Pie charts, Tables, Diagrams

    • เรียนรู้คำศัพท์เฉพาะสำหรับอธิบายตัวเลข แนวโน้ม การเปรียบเทียบ


  • Task 2:

    • แบ่งการเขียนเป็น 4-5 ย่อหน้า: บทนำ, ประเด็นหลัก 2-3 ย่อหน้า, บทสรุป

    • ฝึกเขียนตามประเภทคำถาม: Discussion, Opinion, Problem-Solution, Advantages-Disadvantages

    • เรียนรู้การยกตัวอย่างและเหตุผลสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ


สัปดาห์ที่ 13-24: ยกระดับการเขียนขั้นสูง


  • ยกระดับคำศัพท์และสำนวน:

    • แทนที่คำธรรมดาด้วยคำที่เฉพาะเจาะจง (increase → soar, surge, skyrocket)

    • ใช้ collocations ที่ถูกต้อง (make a mistake, significant difference)

    • ใช้ academic phrases เช่น "It is widely acknowledged that...", "This raises the question of..."


  • เทคนิคการเขียนขั้นสูง:

    • ปรับความยาวประโยคให้หลากหลาย (สั้น-ยาว-สั้น) เพื่อให้น่าอ่าน

    • ใช้เทคนิค hedging language เพื่อแสดงความไม่แน่นอน เช่น "It could be argued that..."

    • เรียนรู้การแสดงความเห็นที่เป็นกลางและมีน้ำหนัก


เคล็ดลับพิเศษสำหรับคนไม่เก่งอังกฤษ (ละเอียด)


1. สร้างคลังคำศัพท์อย่างเป็นระบบ


  • เรียนรู้คำศัพท์เป็นชุด (lexical sets):

    • รวบรวมคำศัพท์ตามหัวข้อ (การศึกษา, สิ่งแวดล้อม, เทคโนโลยี)

    • เรียนรู้คำศัพท์พร้อมคำที่มักใช้ร่วมกัน (collocations)

    • ใช้แอปพลิเคชัน: Anki, Quizlet สร้างบัตรคำแบบ spaced repetition


  • เรียนรู้คำศัพท์ในบริบท:

    • อ่านประโยคที่มีคำศัพท์นั้นๆ อย่างน้อย 3 ประโยค

    • หาตัวอย่างการใช้จริงจากข่าว บทความ

    • บันทึกประโยคที่ใช้คำศัพท์นั้นในสมุดคำศัพท์


2. แก้ปัญหาไวยากรณ์แบบเฉพาะเจาะจง


  • วิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตัวเอง:

    • เก็บรวบรวมข้อผิดพลาดที่ทำซ้ำๆ

    • ศึกษากฎไวยากรณ์เฉพาะจุดที่ผิดบ่อย

    • ทำแบบฝึกหัดเฉพาะทางแก้ไขจุดอ่อน


  • ฝึกไวยากรณ์แบบเป็นขั้นตอน:

    • เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐาน (Subject-Verb-Object)

    • ฝึกขยายประโยคด้วย adjectives, adverbs

    • พัฒนาการใช้ complex structures (relative clauses, conditionals)


3. ฝึกการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ


  • เทคนิค Micro-listening:

    • ฟังคลิปสั้นๆ (30 วินาที - 1 นาที) ซ้ำหลายรอบ

    • ถอดเสียงทุกคำที่ได้ยิน (dictation)

    • เปรียบเทียบกับบทสคริปต์เพื่อหาจุดที่ฟังผิด


  • ปรับการฟังตามระดับ:

    • เริ่มจากเนื้อหาง่ายๆ พูดช้า (graded listeners)

    • ค่อยๆ เพิ่มความเร็วและความซับซ้อน

    • ฝึกฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนบ้าง


4. เทคนิคการอ่านเร็วและจับใจความ


  • เทคนิค Chunking:

    • ฝึกอ่านกลุ่มคำ (chunks) แทนการอ่านทีละคำ

    • ฝึกอ่านประโยคและเข้าใจความหมายทันที โดยไม่แปลในใจ

    • ใช้นิ้วหรือปากกานำสายตาขณะอ่าน


  • สร้างแผนที่ความคิด:

    • อ่านแล้วสรุปเป็นแผนผัง mind map

    • จัดกลุ่มความคิดตามความสัมพันธ์

    • ใช้สีหรือสัญลักษณ์ช่วยจำ


5. เทคนิคการพูดคล่องแบบคนไม่เก่งอิ้ง


  • เทคนิค Chunk Mining:

    • รวบรวมวลีสำเร็จรูปที่ใช้บ่อย (functional phrases)

    • ฝึกพูดซ้ำๆ จนคล่องปาก เช่น "To be honest with you," "In my point of view,"

    • ใช้วลีเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นการพูด


  • เทคนิค 4-3-2:

    • พูดเรื่องเดียวกัน 3 รอบ

    • รอบแรกใช้เวลา 4 นาที, รอบสอง 3 นาที, รอบสุดท้าย 2 นาที

    • บังคับให้พูดเร็วขึ้นและกระชับมากขึ้นในแต่ละรอบ


6. กลยุทธ์การจำคำศัพท์แบบไม่ลืม


  • เทคนิค Association:

    • เชื่อมโยงคำศัพท์กับภาพในใจ (visualization)

    • สร้างเรื่องราวสั้นๆ เกี่ยวกับคำศัพท์

    • หาความเชื่อมโยงกับคำในภาษาไทยที่คล้ายกัน


  • เทคนิค Active Recall:

    • ทดสอบตัวเองบ่อยๆ แทนการอ่านซ้ำ

    • เขียนประโยคใช้คำศัพท์นั้นจากความจำ

    • อธิบายความหมายของคำด้วยคำพูดตัวเอง


ตารางเรียนตัวอย่าง (ละเอียด)

วันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์)


  • 06:00-06:30 น. - ฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษระหว่างเดินทาง/เตรียมตัว

  • 12:00-12:30 น. - อ่านบทความภาษาอังกฤษระหว่างพักกลางวัน

  • 19:00-20:30 น. - เรียน IELTS อย่างเข้มข้น

    • จันทร์: เน้น Listening

    • อังคาร: เน้น Reading

    • พุธ: เน้น Writing

    • พฤหัสบดี: เน้น Speaking

    • ศุกร์: ทำข้อสอบจำลอง (mini test)





 
 
 

Comments


bottom of page