เทคนิคอัพคะแนน IELTS จาก 5 เป็น 7 ฉบับละเอียด สำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ
- Eng for Edu
- Apr 15
- 3 min read

ทำความเข้าใจคะแนน IELTS ก่อนเริ่มต้น
คะแนน 5.0 (Modest User)
สามารถสื่อสารได้พอใช้ในสถานการณ์คุ้นเคย
มีข้อผิดพลาดในการใช้ภาษาค่อนข้างมาก
เข้าใจความหมายโดยรวมในสถานการณ์ทั่วไป
คะแนน 7.0 (Good User)
สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้อาจมีความไม่แม่นยำบ้างในบางสถานการณ์
เข้าใจรายละเอียดซับซ้อนได้ดี
จัดการกับการสื่อสารที่ซับซ้อนได้ในหัวข้อที่คุ้นเคย
แผนการเตรียมตัว 6 เดือน (ละเอียด)
เดือนที่ 1-2: สร้างพื้นฐานให้แน่น
สัปดาห์ 1-2: ทำแบบทดสอบจำลองเพื่อประเมินจุดอ่อนจุดแข็ง
สัปดาห์ 3-4: เรียนรู้รูปแบบข้อสอบทุกส่วนอย่างละเอียด
สัปดาห์ 5-8: เน้นพัฒนาคำศัพท์และไวยากรณ์พื้นฐาน
เดือนที่ 3-4: พัฒนาทักษะเฉพาะทาง
สัปดาห์ 9-12: ฝึกเทคนิคเฉพาะสำหรับแต่ละทักษะ
สัปดาห์ 13-16: ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เริ่มฝึกทำข้อสอบจับเวลา
เดือนที่ 5-6: เข้มข้นสู่การสอบจริง
สัปดาห์ 17-20: ทำข้อสอบจำลองเต็มรูปแบบสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
สัปดาห์ 21-24: แก้ไขจุดอ่อน ทบทวนและเตรียมความพร้อมก่อนสอบจริง
เทคนิคละเอียดสำหรับแต่ละทักษะ
การฟัง (Listening) - จาก 5.0 สู่ 7.0
สัปดาห์ที่ 1-4: สร้างความคุ้นเคยกับเสียง
ฝึกฟังทุกวัน (60-90 นาที)
เช้า: พอดแคสต์ข่าว (BBC, CNN) 15 นาที
กลางวัน: บทสนทนาธรรมดา (YouTube, ซีรีส์) 30 นาที
เย็น: บทเรียน IELTS Listening 15-45 นาที
เทคนิคเพิ่มเติม:
ฟังโดยไม่ดูบทเรียนก่อน จากนั้นฟังซ้ำพร้อมอ่านบทเรียน
ฝึกจับคำสำคัญ (keywords) และตัวชี้แนะ (signpost words) เช่น "however", "although", "therefore"
สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาทักษะการฟังเฉพาะทาง
ฝึกฟังตามประเภทข้อสอบ:
Section 1: บทสนทนาทั่วไป (การจองโรงแรม, การลงทะเบียน)
Section 2: บรรยายทั่วไป (ทัวร์มหาวิทยาลัย, กิจกรรมชุมชน)
Section 3: บทสนทนาเชิงวิชาการ (อาจารย์-นักศึกษา)
Section 4: การบรรยายวิชาการ
ทำความคุ้นเคยกับสำเนียงหลากหลาย:
อังกฤษ (RP): BBC, The Crown
อเมริกัน: CNN, Friends
ออสเตรเลีย: ABC Australia
นิวซีแลนด์, แคนาดา, ไอริช และสำเนียงอื่นๆ
สัปดาห์ที่ 13-24: เตรียมสอบเข้มข้น
เทคนิคจดโน้ตขั้นสูง:
ใช้ตัวย่อและสัญลักษณ์ เช่น & (and), w/ (with), w/o (without)
จดเฉพาะคำสำคัญ ไม่ใช่ประโยคเต็ม
สร้างระบบการจดโน้ตของตัวเอง ที่อ่านทบทวนได้เร็ว
เทคนิคทำข้อสอบ:
อ่านคำถามล่วงหน้า 30 วินาทีก่อนเริ่มฟัง
ขีดเส้นใต้คำสำคัญในคำถาม
คาดเดาคำตอบที่อาจจะเป็นไปได้
ระวังกับดักข้อสอบ (คำตอบที่พูดแล้วแก้ใหม่)
การพูด (Speaking) - จาก 5.0 สู่ 7.0
สัปดาห์ที่ 1-4: พัฒนาความคล่องแคล่ว
ฝึกพูดทุกวัน (30-60 นาที)
เช้า: พูดเดี่ยว 5 นาทีเกี่ยวกับหัวข้อง่ายๆ (ครอบครัว, งานอดิเรก)
กลางวัน: ฝึก shadowing (พูดตามเจ้าของภาษา) 10-15 นาที
เย็น: ฝึกตอบคำถาม Part 1 หรือ Part 3 (10-15 นาที)
เทคนิคเพิ่มเติม:
บันทึกเสียงตัวเอง ฟังซ้ำและวิเคราะห์จุดที่ต้องปรับปรุง
ฝึกออกเสียงคำที่มักออกเสียงผิด เช่น th-, r-, l-, v- และ w-
สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาโครงสร้างและเนื้อหา
เตรียมตอบ Part 1 (คำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเอง):
เตรียมคำตอบสำหรับหัวข้อยอดนิยม: บ้าน, การเรียน, งานอดิเรก, อาหาร, การท่องเที่ยว
ฝึกขยายคำตอบด้วยเทคนิค STAR (Situation, Task, Action, Result)
เรียนรู้การใช้ fillers ที่เป็นธรรมชาติ เช่น "well", "you know", "I mean"
เตรียมตอบ Part 2 (Long turn):
สร้างคลังหัวข้อ Part 2 อย่างน้อย 30 หัวข้อ
ฝึกพูด 2 นาทีเต็มโดยใช้โครงสร้าง: คำนำ, ประเด็นหลัก 2-3 ข้อ, สรุป
เรียนรู้คำเชื่อมประโยคหลากหลาย เช่น "In addition", "On the other hand"
เตรียมตอบ Part 3 (การอภิปราย):
ฝึกแสดงความคิดเห็นด้วยโครงสร้าง: ความคิดเห็น + เหตุผล + ตัวอย่าง
เรียนรู้วิธีการเปรียบเทียบและแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
ฝึกการใช้ conditional sentences (If I were..., I would...)
สัปดาห์ที่ 13-24: ยกระดับภาษาและการนำเสนอ
ยกระดับคำศัพท์:
แทนคำธรรมดาด้วยคำที่เฉพาะเจาะจง (good → excellent, extraordinary)
ใช้สำนวนและ idiomatic expressions เช่น "it cost an arm and a leg"
ใช้ collocations ให้ถูกต้อง เช่น "make a decision" ไม่ใช่ "do a decision"
เทคนิคการพูดขั้นสูง:
ปรับน้ำเสียงและจังหวะการพูดให้น่าสนใจ (ไม่พูดราบเรียบ)
ใช้ภาษากายประกอบการพูด (สบตา, ยิ้ม, ท่าทางประกอบเล็กน้อย)
ปรับการหายใจให้เหมาะสม ไม่พูดเร็วหรือช้าเกินไป
การอ่าน (Reading) - จาก 5.0 สู่ 7.0
สัปดาห์ที่ 1-4: พัฒนาทักษะการอ่านพื้นฐาน
ฝึกอ่านทุกวัน (45-60 นาที)
เช้า: อ่านข่าวสั้นๆ 1-2 ชิ้น (10-15 นาที)
กลางวัน: อ่านบทความวิชาการสั้นๆ (15-20 นาที)
เย็น: ทำแบบฝึกหัด IELTS Reading (20-30 นาที)
เทคนิคเพิ่มเติม:
ฝึกอ่านเร็ว (scanning) เพื่อหาข้อมูลเฉพาะ
ฝึกอ่านข้าม (skimming) เพื่อจับใจความสำคัญ
สร้างคลังคำศัพท์จากการอ่านทุกวัน (อย่างน้อย 10 คำ/วัน)
สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาทักษะการอ่านเฉพาะทาง
ฝึกอ่านตามประเภทข้อสอบ:
Multiple choice: อ่านตัวเลือกก่อน แล้วค่อยอ่านบทความ
Matching headings: วิเคราะห์ใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า
True/False/Not Given: ระวังข้อมูลที่ "คล้าย" แต่ไม่ตรงกับในบทความ
Matching information: สร้างคำสำคัญ (keywords) จากคำถาม
ฝึกอ่านตามประเภทเนื้อหา:
บทความวิทยาศาสตร์: เน้นข้อเท็จจริง ตัวเลข กระบวนการ
บทความสังคมศาสตร์: เน้นแนวคิด ทฤษฎี การวิพากษ์
บทความประวัติศาสตร์: เน้นลำดับเหตุการณ์ สาเหตุ ผลลัพธ์
สัปดาห์ที่ 13-24: เทคนิคทำข้อสอบขั้นสูง
เทคนิคการจัดสรรเวลา:
แบ่งเวลา 20 นาทีต่อบทความ (60 นาทีสำหรับ 3 บทความ)
สละข้อยากไว้ทำทีหลัง ไม่เสียเวลานานเกินไปกับข้อเดียว
เหลือเวลา 5 นาทีสุดท้ายสำหรับทบทวนและเดาข้อที่ไม่แน่ใจ
เทคนิคการอ่านขั้นสูง:
วิเคราะห์โครงสร้างบทความ (problem-solution, cause-effect)
สังเกตความเชื่อมโยงระหว่างย่อหน้า (discourse markers)
ตีความน้ำเสียงและทัศนคติของผู้เขียน
การเขียน (Writing) - จาก 5.0 สู่ 7.0
สัปดาห์ที่ 1-4: พัฒนาโครงสร้างและไวยากรณ์พื้นฐาน
ฝึกเขียนทุกวัน (45-60 นาที)
เช้า: เขียนไดอารี่หรือบันทึกสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ (10-15 นาที)
กลางวัน: ฝึกเขียนประโยคที่ซับซ้อนขึ้น (15 นาที)
เย็น: ฝึกเขียน Task 1 หรือ Task 2 (20-30 นาที)
เทคนิคเพิ่มเติม:
ฝึกเขียนประโยคหลากหลายรูปแบบ (Simple, Compound, Complex)
เรียนรู้การใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง
ฝึกการเชื่อมประโยคด้วย connectors หลากหลาย
สัปดาห์ที่ 5-12: พัฒนาการเขียนเฉพาะแบบ
Task 1 (Academic):
แบ่งการเขียนเป็น 4 ย่อหน้า: บทนำ, ภาพรวม, รายละเอียดสำคัญ 1, รายละเอียดสำคัญ 2
ฝึกอธิบายกราฟประเภทต่างๆ: Line graphs, Bar charts, Pie charts, Tables, Diagrams
เรียนรู้คำศัพท์เฉพาะสำหรับอธิบายตัวเลข แนวโน้ม การเปรียบเทียบ
Task 2:
แบ่งการเขียนเป็น 4-5 ย่อหน้า: บทนำ, ประเด็นหลัก 2-3 ย่อหน้า, บทสรุป
ฝึกเขียนตามประเภทคำถาม: Discussion, Opinion, Problem-Solution, Advantages-Disadvantages
เรียนรู้การยกตัวอย่างและเหตุผลสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ
สัปดาห์ที่ 13-24: ยกระดับการเขียนขั้นสูง
ยกระดับคำศัพท์และสำนวน:
แทนที่คำธรรมดาด้วยคำที่เฉพาะเจาะจง (increase → soar, surge, skyrocket)
ใช้ collocations ที่ถูกต้อง (make a mistake, significant difference)
ใช้ academic phrases เช่น "It is widely acknowledged that...", "This raises the question of..."
เทคนิคการเขียนขั้นสูง:
ปรับความยาวประโยคให้หลากหลาย (สั้น-ยาว-สั้น) เพื่อให้น่าอ่าน
ใช้เทคนิค hedging language เพื่อแสดงความไม่แน่นอน เช่น "It could be argued that..."
เรียนรู้การแสดงความเห็นที่เป็นกลางและมีน้ำหนัก
เคล็ดลับพิเศษสำหรับคนไม่เก่งอังกฤษ (ละเอียด)
1. สร้างคลังคำศัพท์อย่างเป็นระบบ
เรียนรู้คำศัพท์เป็นชุด (lexical sets):
รวบรวมคำศัพท์ตามหัวข้อ (การศึกษา, สิ่งแวดล้อม, เทคโนโลยี)
เรียนรู้คำศัพท์พร้อมคำที่มักใช้ร่วมกัน (collocations)
ใช้แอปพลิเคชัน: Anki, Quizlet สร้างบัตรคำแบบ spaced repetition
เรียนรู้คำศัพท์ในบริบท:
อ่านประโยคที่มีคำศัพท์นั้นๆ อย่างน้อย 3 ประโยค
หาตัวอย่างการใช้จริงจากข่าว บทความ
บันทึกประโยคที่ใช้คำศัพท์นั้นในสมุดคำศัพท์
2. แก้ปัญหาไวยากรณ์แบบเฉพาะเจาะจง
วิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตัวเอง:
เก็บรวบรวมข้อผิดพลาดที่ทำซ้ำๆ
ศึกษากฎไวยากรณ์เฉพาะจุดที่ผิดบ่อย
ทำแบบฝึกหัดเฉพาะทางแก้ไขจุดอ่อน
ฝึกไวยากรณ์แบบเป็นขั้นตอน:
เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐาน (Subject-Verb-Object)
ฝึกขยายประโยคด้วย adjectives, adverbs
พัฒนาการใช้ complex structures (relative clauses, conditionals)
3. ฝึกการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิค Micro-listening:
ฟังคลิปสั้นๆ (30 วินาที - 1 นาที) ซ้ำหลายรอบ
ถอดเสียงทุกคำที่ได้ยิน (dictation)
เปรียบเทียบกับบทสคริปต์เพื่อหาจุดที่ฟังผิด
ปรับการฟังตามระดับ:
เริ่มจากเนื้อหาง่ายๆ พูดช้า (graded listeners)
ค่อยๆ เพิ่มความเร็วและความซับซ้อน
ฝึกฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนบ้าง
4. เทคนิคการอ่านเร็วและจับใจความ
เทคนิค Chunking:
ฝึกอ่านกลุ่มคำ (chunks) แทนการอ่านทีละคำ
ฝึกอ่านประโยคและเข้าใจความหมายทันที โดยไม่แปลในใจ
ใช้นิ้วหรือปากกานำสายตาขณะอ่าน
สร้างแผนที่ความคิด:
อ่านแล้วสรุปเป็นแผนผัง mind map
จัดกลุ่มความคิดตามความสัมพันธ์
ใช้สีหรือสัญลักษณ์ช่วยจำ
5. เทคนิคการพูดคล่องแบบคนไม่เก่งอิ้ง
เทคนิค Chunk Mining:
รวบรวมวลีสำเร็จรูปที่ใช้บ่อย (functional phrases)
ฝึกพูดซ้ำๆ จนคล่องปาก เช่น "To be honest with you," "In my point of view,"
ใช้วลีเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นการพูด
เทคนิค 4-3-2:
พูดเรื่องเดียวกัน 3 รอบ
รอบแรกใช้เวลา 4 นาที, รอบสอง 3 นาที, รอบสุดท้าย 2 นาที
บังคับให้พูดเร็วขึ้นและกระชับมากขึ้นในแต่ละรอบ
6. กลยุทธ์การจำคำศัพท์แบบไม่ลืม
เทคนิค Association:
เชื่อมโยงคำศัพท์กับภาพในใจ (visualization)
สร้างเรื่องราวสั้นๆ เกี่ยวกับคำศัพท์
หาความเชื่อมโยงกับคำในภาษาไทยที่คล้ายกัน
เทคนิค Active Recall:
ทดสอบตัวเองบ่อยๆ แทนการอ่านซ้ำ
เขียนประโยคใช้คำศัพท์นั้นจากความจำ
อธิบายความหมายของคำด้วยคำพูดตัวเอง
ตารางเรียนตัวอย่าง (ละเอียด)
วันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์)
06:00-06:30 น. - ฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษระหว่างเดินทาง/เตรียมตัว
12:00-12:30 น. - อ่านบทความภาษาอังกฤษระหว่างพักกลางวัน
19:00-20:30 น. - เรียน IELTS อย่างเข้มข้น
จันทร์: เน้น Listening
อังคาร: เน้น Reading
พุธ: เน้น Writing
พฤหัสบดี: เน้น Speaking
ศุกร์: ทำข้อสอบจำลอง (mini test)
Comments